bookmark_borderเคยได้ยินโรคหินปูนเกาะกระดูกหูกันหรือป่าว

สำหรับโรคหินปูนเกาะกระดูกหูนั้น คงไม่มีใครที่จะรู้จักกันมากนัก เพราะจะว่าไปแล้วก้ไม่ค่อยพบเจอกับผู้ป่วยสักเท่าไหร่ที่จะเป็นโรคเหล่านี้แต่เราก็ไม่ควรนิ่งนอนใจได้ว่าโรคเหล่านี้อาจจะไม่เกิดขึ้นกับเรา เพราะโรคนั้นสามารถเป็นได้กับทุกคนทุกเพศและทุกวัย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงและสาเหตุของแต่ละคนว่ามีการใช้ชีวิตอย่างไร มีความเป็นอยู่แบบไหน เสี่ยงต่อสภาพแวดล้อมรอบกายอะไรบ้าง และในแต่ละวันไปเจอกับอะไรมาบ้าง ดังนั้นเรื่องเหล่านี้ที่เกิดนอนจึงเป็นเรื่องที่บอกเจาะจงไม่ได้ว่าใครควรจะเป็น แต่เราสมารถเรียนรู้วืธีหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้เป็นโรคเหล่านี้ได้เช่นกัน มาดูกันเลยว่าเราอยู่ในเขตที่เสี่ยงมากน้อยเพียงใด และเราจะหาวิธีการป้องกันเรื่องเหล่านี้อย่างไรกันดี

สำหรับโรคหินปูนเกาะกระดูกหูมันเกิดจากอะไรกันนะ

อาจจะกล่าวได้ว่าโรคนี้เกิดจากการผิกปกติของภายในระบบของหูของเราโดยการเกิดหินปูนโดยการผิดพลาดอะไรบางอย่างของหูชั้นกลางของเรา อาจจะเป็นการสร้างหินปูนที่มากขึ้นด้วยความเร็วที่ควรจะเป็นโดยสิ่งเหล่านี้อาจจะมีการไปแกะอยู่ตามผนังในหูที่ผิดที่และมีปริมาณที่มากเกินไปซึ่งคาดว่าน่าจะไปแกาะระหว่างฐานของกระดูกโกลนกับช่องที่เป็นรูปไข่นั่นเอง ช่องเหล่านี้เป็นการติดต่อกันระหว่างที่เป็นหูชั้นกลางและหูที่เป็นชั้นที่อยู่ด้านใน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้กระดูกโกลนเหล่านั้นผิกปกติ และไม่สามารถสั่นหรือทำการสะเทือนเพื่อเป็นการตอบสนองเกี่ยวกับคลื่นเสียงได้เหมือนเดิม

สาเหตุเหล่านี้จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราหูอื้อได้นั่นเอง แต่สำหรับบางรายก็เกิดหินปูนที่มากผิดปกติในหูชั้นในด้วยเหมือนกัน และสาเหตุเหล่านี้จะมีผลข้างเคียงที่ทำให้เราหูอื้อ เวียนศรีษะ หรืออาจจะเป็นอาการที่เรียกว่าบ้านหมุนได้นั้นแหละ

ความร้ายกาจของมันก่อให้เกิดหูหนวกได้เหมือนกัน หากมีอาการที่ผิดปกติเราควรไปพบหมอเพื่อทำการตรวจและรักษาก่อนที่มันจะสาย อาการเสียงที่ดังในหูของเรานั้นถือว่าเป้นเรื่องที่ผิดปกติดังนั้นไม่ควรรอช้า หรือหากมีการขึ้นที่สูงบ่อยครั้งแล้วเกิดอาการมากกว่าหูอื้อแสดงว่าเราผิดปกติอย่างแรง หรือหากมีเลือกหรือน้ำไหลออกที่บริเวณที่อยู่ภายในหู ถือว่าเป็นอาการที่ผิดปกติขั้นสูงมากเลยทีเดียวดังนั้นเราควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกต้องเพื่อให้หูของเราอยู่ได้นานๆหากไม่ทำการรักษาและปล่อยไว้มีสิทธิเป็นคนหูหนวกอย่างแน่นอน 

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เครื่องช่วยฟัง

bookmark_borderเทคนิคการเลือกซื้อเครื่องช่วยฟัง

เครื่องช่วยฟังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คนที่มีปัญหาทางการได้ยิน ได้มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้ในสังคม ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องช่วยฟังมากมายหลายยี่ห้อ และหลายช่องทางให้เราได้เลือกซื้อกัน วันนี้เลยอยากมาขอแนะนำเทคนิคการเลือกซื้อเครื่องช่วยฟัง ให้ได้ใช้เครื่องที่เหมาะกับเรามากที่สุดมาฝากกัน 

สำรวจงบในกระเป๋า 

แน่นอนว่าการจะตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่าง เราต้องเช็กก่อนว่าเงินในการซื้อนั้นมีมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะได้เลือกสเป็คได้เหมาะสม บางคนมีอาการไม่รุนแรงมาก เครื่องช่วยฟังแบบปกติก็อาจทำหน้าที่ได้ดีเพียงพอแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเราพอใจแบบไหนมากกว่ากัน ส่วนใหญ่เครื่องช่วยฟังงที่มีราคาสูงจะอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็น เครื่องช่วยฟัง ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ มียี่ห้อที่เรารู้จักกันดี และมีแพทย์ร่วมดูอาการ จึงทำให้ราคาแพงกว่าการซื้อข้างนอก แต่ข้อดีคือการได้ความสบายใจ เพราะมีผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำให้ถูกจุดจริงๆ 

สำรวจไลฟ์สไตล์ 

หลังจากที่รู้งบในการซื้อแล้ว เราจะมาแคบสเป็คให้เล็กลงมาอีก นั่นก็คือการเลือกประเภท ปกติแล้วเครื่องช่วยฟังจะมีให้เลือกทั้งแบบคล้องหลังหู แบบบลูทูธ และแบบใส่ในช่องหู ทั้งสามแบบนี้มีขนาดและรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกันออกไป คนที่ไม่อยากให้ดูว่าใส่เครื่องช่วยฟัง แนะนำเป็นแบบใส่ในช่องหูหรือแบบบลูทูธ เพื่อพลางสายตาจากคนข้างนอก ส่วนคนที่ไม่ซีเรียสมาก หรือคนสูงอายุที่กลัวจะทำหล่นหาย แนะนำเป็นแบบคล้องหลังหู ใช้งานง่านเสียงชัดกว่ารุ่นอื่นๆ 

ตรวจเช็กประกัน

เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะการซื้อเครื่องช่วยฟังนั้น มีราคาไม่น้อย เราต้องมีศูนย์รับประกันเครื่องสำหรับการใช้งาน เพื่อไม่ให้เราต้องจ่ายเงินซื้อใหม่บ่อยๆ สิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุ และการมีประกันช่วยให้เราสบายใจ ว่าตลอดการใช้งาน จะมีคนมาช่วยเหลือเราเมื่อมีปัญหาเกี่ยวเครื่อง ต่อให้เครื่องจะมียี่ห้อหรือราคาแพงแค่ไหน แต่ความน่าจะเป็นเรื่องความผิดพลาดในการผลิตก็ย่อมสามารถเกิดขึ้นได้ 

ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ

แม้ว่าโรงพยาบาลจะเป็นแหล่งซื้อเครื่องช่วยฟังที่น่าเชื่อมากที่สุด แต่ความจริงแล้วร้านค้าตัวแทนจากข้างนอกก็มีความน่าเชื่อถือไม่น้อยไปกว่ากัน แนะนำให้เช็กจากประวัติการค้าขาย เปิดร้านมากี่ปีแล้ว มีผู้เชี่ยวชาญในร้านมั้ย หรือว่าในร้านมีเครื่องมือตรวจเช็กที่น่าเชื่อถือได้มากน่อยแค่ไหน  

จะเห็นได้ว่าเครื่องช่วยฟังมีให้เลือกมากมายหลายประเภทมากๆ ขึ้นอยู่กับเราว่าจะเลือกแบบไหน และที่สำคัญของการใช้งานคือการดูแลรักษา แม้จะมีราคาสูงแค่ไหน แต่ถ้าไม่ดูแลให้ดี ก็เสียหรือพังง่ายแน่นอน 

bookmark_borderความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการเลิกบุหรี่

พวกเราต้องการแบ่งปันข้อมูล ความจริงให้กับคุณ และก็ลบความเชื่อผิดๆอะไรบางอย่าง เนื่องจากการเลิกบุหรี่เป็นเรื่องไม่ง่าย รวมทั้งการได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจะช่วยคุณได้มาก

ความเชื่อทีมีการคิดว่าการเลิกบุหรี่จะทำให้น้ำหนักขึ้น

ความเชื่อนี้ก็มีเรื่องจริงบางส่วนที่ทำให้บางคนจำเป็นต้องเกิดความกลัวสำหรับในการที่จะเลิกบุหรี่ เนื่องจากมีความคิดว่า ถ้าเกิดเลิกแล้วจะมีผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น นั่นก็เนื่องจากว่า โดยทั่วไปสารในบุหรี่จะไปรีบวิธีการเผาผลาญอาหาร แล้วก็กดความต้องการอาหารเอาไว้ ทำให้เวลาสูบบุหรี่จะไม่ค่อยรู้สึกหิว แต่ว่าเมื่อเลิกสูบความรู้สึกหิวก็จะกลับมา ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือการให้นิโคตินทดแทน จะช่วยลดความรู้สึกกังวลใจนี้ได้ส่วนหนึ่งได้ มันจะให้นิโคตินในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อช่วยทำให้คุณเลิกบุหรี่ แล้วก็ยังช่วยจัดการกับกระบวนการเผาผลาญอาหารแล้วก็ความอยากอาหารได้

นอกจากนั้นยังก่อให้เกิดอาการ เช่น ความเคยชินของท่าทางการสูบบุหรี่ที่จะต้องมีการใช้มือแล้วก็ปาก คีบรวมทั้งสูบบุหรี่ตลอด หรืออาจจะเป็นอาการที่คุณอาจสับสนระหว่างอาการต้องการบุหรี่กับอาการปวดท้องหิว

ซึ่งวิธีการเอาชนะ 2 เหตุผลดังกล่าวมานี้ก็คือ มีขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ ตัวอย่างเช่น ผัก ผลไม้ ไว้ใกล้ตัว หรือใช้นิโคตินชดเชยเป็นตัวช่วย

ความเชื่อทีมีการคิดว่าสูบบุหรี่ช่วยคลายเครียด

เรื่องจริงแล้ว การสูบบุหรี่ไม่ได้เป็นตัวช่วยลดคลายเครียดที่แท้จริง มันเป็นเพียงแค่ความสบายสักครู่ที่เกิดขึ้นจากกลไกของนิโคตินในบุหรี่ ส่งผลให้เกิดการเสพติด ความสุขนั้นจะกลายเป็นการเพิ่มความตึงเครียดที่มากขึ้นเมื่อไม่ได้สูบ แล้วก็ยังไปเพิ่มความวิตกกังวลและก็ความตึงเครียด ที่เกิดขึ้นมาจากการเพิ่มอัตราเต้นของหัวใจอีกด้วย

ตัวช่วยกลุ่มนิโคตินทดแทน จะให้นิโคตินเข้าไปทดแทนในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับคนที่ต้องการเลิกบุหรี่ ช่วยทำให้คุณเลิกบุหรี่ได้สำเร็จ นอกเหนือจากนั้นคุณสามารถหาวิธีใหม่ๆเพื่อช่วยบรรเทาและก็จัดการกับความเคร่งเครียด แม้ว่าจะเป็นความเครียดที่เชื่อมโยงกับการเลิกบุหรี่ก็ตาม

ความเชื่อทีมีการคิดว่าความตั้งใจจริงคือสิ่งเดียวและสิ่งสำคัญที่สุดในการเลิกบุหรี่

จริงที่ ความตั้งใจ เป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดสำหรับในการเลิกบุหรี่ แต่ว่าบางครั้งการใช้ใจเพียงอย่างเดียว ก็ไม่อาจจะเอาชนะการเลิกบุหรี่ได้สำเร็จ บ่อยมากที่จำเป็นต้องแพ้ให้กับอาการต้องการนิโคติน ถึงแม้ว่าจิตใจต้องการจะเลิก ซึ่งจากการศึกษาพบว่าการใช้ผลิตภัณฑ์นิโคตินทดแทนไม่ว่าจะเป็นหมากฝรั่งนิโคติน หรือ แผ่นแปะนิโคติน จะสามารถเพิ่มช่องทางความสำเร็จสำหรับในการเลิกบุหรี่ได้ถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับความตั้งใจจริงเพียงอย่างเดียว

 

สนับสนุนโดย  บุหรี่ไฟฟ้า

bookmark_borderสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี

สุขภาพช่องปากและฟันที่ดีมีดังนี้

การที่เรานั้นดูแลรักษาสุขภาพฟันที่ดีเพราะว่าฟันนั้นต้องอยู่กับเรานั้นตลอดชีวิตไม่ใช่แค่อยู่แปบเดี๋ยวเดียวฟันก็หักจะทำให้เรานั้นกินอะไรก็ไม่อร่อยหรือว่าเรานั้นมีกลิ่นปากที่รุนแรงเพราะว่าก็จะไม่มีใครที่เขานั้นอยากจะสื่อสารกับเราเพราะว่าการที่เรานั้นมีกลิ่นปากจะทำให้เรานั้นขาดความมั่นใจไปเลย  ดังนั้นช่องปากหรือปากเรานั้นก็ต้องดูแลอย่างสะอาด ให้ทั่ว  

สุขภาพปากที่ดีและฟันที่ดีหมายถึง  

  • ฟันที่สะอาดไม่มีเศษอาหารที่ติดอยู่
  • เหงือกต้องเป็นสีชมพูไม่เจ็บ  หรือว่ามีเลือดออกในขณะที่เรานั้นแปลงฟัน  
  • ไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นปาก  

ถ้าหากว่าเรานั้นแปลงฟันแล้วมีเลือดออกเหงือกเจ็บหรือว่ามีเลือดออกเวลาในที่เรานั้นแปลงฟันเรานั้นก็ควรที่จะปรึกษาหมอหรือว่าทันตแพทย์ในการที่ดูแลช่องปากเราให้สะอาด การที่เรานั้นดูแลช่องปากของเรานั้นให้สะอาดเป็นเรื่องที่ดอย่างมาก การที่เรานั้นดูแลประจำและทุกวันเรื่องในช่องปากเพราะว่าการที่เรานั้นดูแลช่องปากให้สะอาดและการแปลงฟันให้ถูกวิธีเป็นเรื่องที่ปกติ แต่ว่าคนส่วนใหญ่นั้นแปลงฟันผิดวิธีการที่เรานั้นแปลงฟันเราต้องทำทุกวันอย่างน้อยวันล่ะสองครั้งคือ ตอนเช้าตื่นนอนก่อนที่เรานั้นจะรับประทานอาหาร  ครั้งที่สองนั้นแปลงฟันก่อนนอน

การที่เรานั้นดูแลประจำวัน  ซึ่งก็คือการแปรรงฟันอย่างถูกวิธีจะได้ช่วยการป้องกันเกี่ยวกับช่องปาก  ทำให้เรานั้นเจ็บตัวน้อยกว่าประหยัดกว่า และ วิตกกังวลน้อยกว่าที่ต้องรับการรักษาเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาแล้ว  และนี่คือขั้นตอนง่ายๆในการช่วยลดความเสี่ยงต่อฟันผุ โรคเหงือก และปัญหาที่เกี่ยวกับฟันอื่นๆ

ซึ่งตัวเรานั้นต้องปฏิบัติในระยะระหว่างการนัดพบแพทย์  การแปลงฟันอย่างให้ทั่วถึงวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันวันละครั้ง การรับประทานอาหารที่ถูกสัดส่วนและจำกัดอาหารว่างระหว่างมื้อ การใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์  การบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ในกรณีที่ทันตแพทย์แนะนำ การที่ให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ดื่มน้ำที่ผสมฟลูออไรด์ หรือให้อาหารเสริมฟลูอไรด์

ในการที่เรานั้นแปลงฟันเราต้องแปลงฟันที่ถูกต้องถ้าเรานั้นต้องแปลงฟันถูกต้องและถูกวิธีนั้นจะทำให้สุขภาพฟันเรานั้นดีและแข็งแรงเพื่อที่จะได้ มีสุขภาพฟันให้เรานั้นอยู่กับเรานั้นไปตลอดชีวิตเพื่อที่จะได้ทำให้เรานั้นกินอะไรแล้วอร่อยและช่องปากของเรานั้นจะได้มีสุขภาพที่ดีด้วย 

 

สนับสนุนโดย ชุดตรวจ hiv

bookmark_borderแบ่งเวลากิน แบ่งเวลาอด ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น

แบ่งเวลากิน แบ่งเวลาอด ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น
การงดของกิน 16-18 ชั่วโมง บางทีอาจเป็นคีย์สำคัญสำหรับเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพร่างกาย แม้ว่าจะจำเป็นต้องต่อสู้กับความโหยหิวก็ตาม
ผลที่เกิดขึ้นจากการวิจัยจาก The New England Journal of Medicine บอกว่ากระบวนการทำ Intermittent Fasting หรือ IF สามารถลดระดับความดันเลือด ลดความอ้วน รวมทั้งทำให้อายุยืนขึ้นได้

คนเขียนที่ทำการค้นคว้านี้เป็น Mark Mattson คุณครูด้านประสาทวิทยา จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins เอ่ยถึงกระบวนการทำ IF 2 แบบร่วมกัน โดยแบบแรกเป็น 6:8 รับประทาน 6-8 ชั่วโมง ไม่กินอาหาร 16-18 ชั่วโมง แล้วก็แบบที่ 2 เป็น 5:2 รับประทานธรรมดา 5 วัน และก็ไม่กินอาหาร 2 วันใน 1 อาทิตย์ (โดยวันที่อดทานได้ไม่เกิน 500 แคลอรี)

แล้วมันเห็นผลอย่างไร ?
เคยมีการทดสอบการใช้แนวทาง IF กับผู้สูงอายุที่มีน้ำหนักตัวเกิน ซึ่งผลออกมาว่ามันสามารถลดความอ้วนได้จริง Mattson พูดว่า แนวทาง IF ส่งผลต่อแนวทางการทำงานของเซลล์ ซึ่งจะช่วยสำหรับการสลับการเผาผลาญอาหาร เป็นในตอนที่อดเซลล์จะนำไขมันออกมาใช้เป็นพลังงาน

ผลดีที่กำลังจะได้รับเป็นอย่างไร ?
จากการค้นคว้าหลายๆ งาน บางอันก็กล่าว่าวิธีการทำ IF สามารถทำให้ชีวิตคนเราและสัตว์ยืนยาวขึ้น มีร่างกายแข็งแรงขึ้น รวมทั้งชี้ให้เห็นแล้วรู้เรื่องเกี่ยวกับแนวทาง IF เพิ่มมากขึ้น

มีคนเป็นโรคเบาหวาน 2 รายที่ลดความอ้วนได้ด้วยแนวทาง IF หลังจากนั้นทั้งคู่ไม่ต้องรับอินซูลินอีกต่อไป เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าเบาหวานสามารถรักษาได้

ผลที่เกิดขึ้นจากงานวิจัยก่อนๆ ของ Mattson แสดงให้เห็นว่าวิธีการทำ IF สามารถลดความเคร่งเครียดแล้วก็แนวทางการทำงานของสมองและระบบได้ ในปี 2009 ส่งผลงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยในผู้สูงวัย 2 คน ที่มีความจำที่ดียิ่งขึ้นจากการละของกิน รวมทั้งเพศชายและกลุ่มชายหนุ่มสามารถลดไขมันรวมทั้งรักษากล้ามเนื้อเอาไว้ได้จากการงดของกิน 16 ชั่วโมง วันแล้ววันเล่า

ข้อกำหนดของวิธีการทำ IF
แม้กระทั่งส่งผลงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยด้านดีออกมามากไม่น้อยเลยทีเดียวแม้กระนั้นก็ยังเป็นงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยแคบๆที่สำเร็จกับผู้ที่น้ำหนักเกินรวมทั้งอยู่ในวัยรุ่นรวมทั้งกลางคน ในผลของงานวิจัยจุดบกพร่องของวิธีการทำ IF ทำให้เห็นว่าเกือบจะ 40% ของผู้ที่ทำ IF ถูกสั่งให้หยุดทำฉับพลันเพราะเหตุว่าได้รับผลที่ไม่ดีนัก

“มันบางครั้งก็อาจจะทรมานจากความหิวในตอนแรกๆ แต่ว่าความทรมาทรกรรมนี้จะผ่านไปภายหลังคุณได้ทดลองทำ 2 อาทิตย์ ด้วยเหตุว่าร่างกายแล้วก็สมองจะจำการกระทำใหม่ๆ ของพวกคุณ” Mattson กล่าว

bookmark_borderอันตรายร้ายๆ ของยาจุดกันยุง

“ยาจุดกันยุง” เชื่อว่าหลายบ้านคงต้องรู้จักและมีติดบ้านกันอยู่บ้าง วัตถุประสงค์ของยาจุดกันยุง แค่ชื่อก็บ่งบอกแล้วอย่างชัดเจนว่าใช้ประโยชน์สำหรับป้องกันยุง ทั้งนี้ยาจุดกันยุงในปัจจุบันมีให้เราเลือกซื้อหลายยี่ห้อทั้งตามร้านชำ ร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้า โดยที่สำคัญคือมีราคาไม่แพง แม้ว่าในปัจจุบันจะมีผลิตภัณฑ์ยาจุดกันยัง ผุดขึ้นมาหลากหลาย แต่ส่วนประกอบหลักที่ใช้ในการผลิตก็ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่ โดยส่วนประกอบที่เป็นหัวใจเลยก็คือ สาร d-Allethrin และสารเคมีชนิดนี้เองที่ เรากำลังจะพูดถึง เพราะนอกจากจะไล่ยุงแล้วยังไล่ยุงอีกด้วย เพราะมันสามารถก่อให้เกิดอันตรายกับคนได้ โดยระบบการทำงานของยาจุดกันยุงจะเป็นการผสมสารออกฤทธิ์รวมกับขี้เลื่อย หากจุดยากันยุงก็จะเกิดความร้อน แล้งส่งผลให้สารออกทธิ์กลายเป็นไอระเหยออกมาทำหน้าที่ในการกำจัดยุง ซึ่งสารที่ระเหยออกมานั้นจะมีผลเสียต่อสุขภาพของคนด้วยเช่นเดียวกัน

อันตรายของยาจุดกันยุง
ด้วยความที่ยาจุดกันยุงเป็นที่นิยมในหมู่คนไทย ซึ่งมักจุดยากันยุงเพื่อไล่ยุงในบริเวณที่มีคนอยู่ เช่น ตั้งวิงทานข้าวนอกบ้าน ก็จุดยากันยุงไล่ยุง อยู่ข้างนอกก็จุด นอนที่ที่มียุงเยอะก็จด ซึ่งทำให้เกิดการสูดดมสารที่ระเหยจากกันยุงเข้าไปในร่างกาย สารระเหยนั้นเพียงสูดเข้าไปก็ไม่ได้อันตายหรือรุนแรงอะไร เพียงแค่คุณอาจเคืองๆ จมูก รู้สึกหายใจติดๆขัดๆ หายใจไม่สะดวกเท่านั้น แต่ผลที่ตามมาในระยะยาวเมื่อเราสูดดมควันของยาจุดกันยุงเป็นประจำบ่อยๆ อาจร้ายแรง คือ
– สารระเหยที่สูดดิมเข้าไปสะสมในร่างกาย เทียบเท่าได้กับการสูดดมควันจากบุหรี่เข้าไป
– สารระเหยจากยาจุดกันยุงจะเข้าไปทำลายเยื่อบุเมือก
– ทำลายระบบทางเดินหายใจส่วนบนอักเสบ
– ส่งผลให้หลอดลมและกล่องเสียงอักเสบ
– สารระเหยทำลายปอด ทรวงอก ทางเดินอาหาร ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ
– เกิดอาการหายใจถี่ๆ รัว
– รู้สึกวิงเวียนปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
– การสัมผัสทางผิวหนังก่อให้เกิดการระคายเคืองอย่างแรง
– สามารถซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
– การกลืนหรือกินเข้าไป ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
– หากสารระเหยเข้าตาจะทำให้มีอาการตาแดง รู้สึกเจ็บตา น้ำตาจะไหลออกมา
– สารจากยาจุดกันยุงนี้ยังเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ของมารดาอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ยาจุดกันยุงก็ยังคงเป็นที่นิยมมากๆ ในหมู่คนไทยอยู่ ด้วยความที่ราคาค่อนข้างถูก หาซื้อง่าย ใช้งานง่าย ดังนั้น จึงขอแนะนำวิธีใช้อย่างปลอดภัยง่ายๆ คือ หากจำเป็นต้องใช้ ให้จุดทิ้งไว้ในบริเวณที่ไม่มีคน เพื่อป้องกันการสูดดม และจุดด้วยความระมัดระวัง ตั้งไว้ในที่พ้นมือเด็ก เพราะถึงแม้จะไม่ได้เป็นอันตรายในทันที แต่แน่นอนว่าสะสมไปเรื่อยๆ และเป็นรุนแรงขึ้นในระยะยาวแน่นอน

bookmark_border‘ภาวะหัวใจล้มเหลว’ เกิดจากอะไร

อาการป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะสามารถทำอันตรายถึงแก่ชีวิต ทุกคนจึงควรที่จะหันมาใส่ใจและรู้ทันโรคหัวใจ เพื่อดูแลป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลว และทำให้หัวใจของคุณแข็งแรงกันดีกว่า

“ภาวะหัวใจล้มเหลว” เกิดจากอะไร?
ภาวะหัวใจล้มเหลว มีสาเหตุมาจากการที่หัวใจทำงานผิดปกติไม่ตอบรับหรือตอบสนองต่อความต้องการของร่างกาย โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่กล้ามเนื้อหัวใจตกอยู่ในภาวะขาดเลือดจนถึงขั้นที่เรียกว่าภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย ประกอบกับป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคลิ้นหัวใจ นอกจากนี้การติดเชื้อของกล้ามเนื้อหัวใจก็เป็นผลทำให้กล้ามเนื้อหัวใจมีการสูบฉีดเลือดน้อยลง จนส่งผลให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดเพื่อส่งไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ และไม่สามารถรับเลือดกลับเข้าสู่หัวใจได้เป็นปกติ จนเป็นเหตุทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้ในที่สุด

สัญญาณอันตราย “หัวใจล้มเหลว”
ก่อนที่จะเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว จะมีอาการแสดงออกมาซึ่งเป็นสัญญาณเตือนบ่งบอกว่าคุณกำลังเสี่ยงภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) โดยอาจจะปรากฏอาการเพียงอาการเดียวหรือหลายๆ อาการร่วมด้วย ได้แก่
1. รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย

2. รู้สึกอึดอัด หายใจลำบากเมื่อออกกำลังกาย

3. หายใจลำบากเมื่อนอนหงาย

4. มีการตื่นกลางดึกเพราะไอหรือหายใจลำบาก

5. ขา ข้อเท้า เท้าหรือตัวบวมจากภาวะคั่งน้ำ

6. เวียนศีรษะ หน้ามืดบ่อย

7. เข้าห้องน้ำบ่อยตอนกลางคืน

ป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลว
เมื่ออ่านมาจนถึงตรงนี้แล้ว คงจะรู้สึกกังวลใจไม่น้อย อย่างไรก็ตามหากเรามีการใส่ใจดูแลตนเองมากๆ ก็จะสามารถห่างไกลจากภาวะหัวใจล้มเหลวได้ และวิธีดูแลตัวเองก็สามารถทำได้ ดังนี้
1. ควบคุมน้ำหนักให้เป็นไปตามเกณฑ์ เพราะน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น

2. เลี่ยงกินเค็ม ด้วยการไม่เติมเกลือ น้ำปลา หรือซอสเพิ่มไปในอาหาร เลี่ยงเกลือโซเดียม อาหารรสเค็ม อาหารกระป๋อง ของหมักดอง อาหารสำเร็จรูปทุกชนิด อาหารเค็มจะทำให้น้ำคั่งในร่างกายมากขึ้น

3. งดสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมีผลต่อการทำงานของหัวใจและทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม

4. จัดการความเครียด ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การทำสมาธิ ท่องเที่ยว

5. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที คนที่เป็นโรคหัวใจต้องดูแลตัวเองให้ดี ได้แก่ หากน้ำหนักลดเร็ว ควรกินอาหารที่ย่อยง่ายๆ ครั้งละไม่มากแต่บ่อย เพื่อป้องกันภาวะขาดสารอาหาร ชั่งน้ำหนักตัวเองและทำการจดบันทึกไว้เสมอ ถ้าน้ำหนักเพิ่ม 1 กิโลกรัม ภายใน 1-2 วัน อาจบ่งบอกว่าเกิดภาวะการคั่งน้ำควรปรึกษาแพทย์ทันที หากมีอาการบวม กดบุ๋มให้รีบพบแพทย์ทันที แต่หากเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย รู้สึกไม่สบาย ควรงดออกกำลังกาย

6. งดอาหารที่มีรสเค็ม

7. ทานยาสม่ำเสมอตามที่แพทย์สั่ง หากเกิดอาการผิดปกติปรึกษาแพทย์ทันที และพบแพทย์ตามนัด

8. เลี่ยงเดินทางไกลหรือนั่งเป็นเวลานาน ไม่เดินทางตามลำพัง และไม่โดยสารเครื่องบิน

bookmark_borderเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง

อาหารเสริมสำหรับกระดูก
กระดูกเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญเช่นเดียวกับอวัยวะอื่นของร่างกาย กระดูกเป็นโครงสร้างของร่างกาย ป้องกันอวัยวะต่างๆ ยึดเหนี่ยวกล้ามเนื้อ และเป็นแหล่งสะสมแคลเซียมภายในร่างกาย น่าเสียดายกระดูกมีอายุเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา และมีแนวโน้มที่จะสูญเสียความแข็งแรง อย่างไรก็ตามคุณสามาถปกป้องกระดูกได้ด้วยการรับประทาน อาหารเสริมสำหรับกระดูก เช่น วิตามินและแร่ธาตุเสริม

อาหารเสริมสำหรับกระดูก ที่ต้องการมีอะไรบ้าง
กระดูกของคุณประกอบด้วยคอลลาเจนและแคลเซียม คอลลาเจนทำหน้าที่สร้างโครงสร้างและแคลเซียมส่งเสริมให้เกิดความแข็งแรงและทนทาน วิตามินดีช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น

ตลอดชีวิตของเรากระดูกมีโอกาสแตกหักและเสียหายได้เนื่องจากการขาดแคลเซียม คุณสามารถป้องกันความเสียหายของกระดูกได้โดยการเติมแคลเซียมและวิตามินดีให้กับร่างกาย

เมื่อไหร่ที่ควรรับประทานแคลเซียมและวิตามินดีเสริม
ในทางทฤษฎีแล้ว คุณได้รับแร่ธาตุและวิตามินจากอาหารที่คุณรับประทานเข้าไป ตัวอย่างเช่น คุณสามารถรับแคลเซียมได้จากผลิตภัณฑ์จากนม เช่น โยเกิร์ต นม และชีส อย่างไรก็ตามคุณไม่สามารถรับสารอาหารได้เพียงพอจากอาหารที่คุณรับประทานเข้าไป นี่คือเหตุผลที่คุณต้องการอาหารเสริม ทั้งนี้ควรเพิ่มการรับประทาน อาหารเสริมสำหรับกระดูก เมื่อมีอาการดังต่อไป:

  • รับประทานมังสวิรัติและอาหารเหล่านั้นไม่มีแคลเซียมและวิตามินดีที่เพียงพอต่อร่างกาย
  • มีอาการแพ้แลคโตสเนื่องจากไม่สามารถรับประทานผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งเป็นแหล่งของแคลเซียมและวิตามินดี
  • มีความผิดปกติของกระดูก เช่น โรคกระดูกพรุน และ โรคกระดูกอ่อนในเด็ก
  • ใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์เป็นเวลานาน
  • มีความผิดปกติที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมได้ แช่น กลุ่มโรคที่มีการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร และโรคโรคเซลิแอค
    คุณสามารถรับแคลเซียมและวิตามินดีจากการรับประทานและการใช้วัคซีนเสริม ในหนึ่งวันร่างกายของเราต้องการแคลเซียมปริมาณ 700 มิลลิกรัม และวิตามินดีปริมาณ 8.5 ถึง 10 ไมโครกรัม

ข้อควรระวัง
แคลเซียมเสริมไม่มีความจำเป็นกับทุกคน หากคุณมีปัญหาทางสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับปริมาณแคลเซียมที่มากเกินไปในร่างกาย คุณไม่ควรรับประทานแคลเซียมเสริม

หากคุณมีอาการแพ้วิตามินดี คุณไม่ควรรับประทานวิตามินดีเสริม ทั้งนี้คุณควรได้รับวิตามินดีในปริมาณที่เหมาะสม ปริมาณวิตามินดีที่มากเกินไปส่งผลให้กระดูกอ่อนแอและสร้างความเสียหายแก่ไตและหัวใจ วิตามินดียังมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด ความดัน และอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง เพื่อให้ได้ผลดีที่สุดควรรับประทานอาหารเสริมควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย

เมื่อการรับประทานอาหารไม่อาจทำให้คุณรับสารอาหารในปริมาณที่เพียงพอได้ การรับประทานแคลเซียมและวิตามินดีเสริมอาจช่วยคุณได้ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มรับประทานอาหารเสริมใดๆ

bookmark_borderอยากให้ตับแข็งแรงต้องทาน Artichoke สมุนไพรบำรุงตับ

อยากให้ตับแข็งแรงต้องทานอะไร?

เทรนด์ใหม่ยอดนิยมในโลกปัจจุบันก็คงหนีไม่พ้นเทรนด์สำหรับสุขภาพ ที่กำลังมาแรงและไม่มีท่าทีที่จะหยุดหย่อน คนไทยสมัยใหม่ได้หันมารักสุขภาพกันมากขึ้น และการรักษาสุขภาพก็มีหลากหลายประเภทแยกย่อยไปอีก วันนี้เราจะมาแนะนำอาหารสำหรับบำรุงตับให้แข็งแรงกันดีกว่า เริ่มกันที่ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มาแรงสำหรับตอนนี้นั้นก็คือ Artichoke สมุนไพรบำรุงตับ ที่หลายท่านให้ความไว้วางใจ หรือจะเป็นอาหารที่มีตามท้องตลาดที่สามารถหาได้อย่างง่ายๆ และราคาไม่สูง มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

1.กะหล่ำปลี เพราะในกะหล่ำปลีมีส่วนช่วยเพิ่มกลูต้าไธโอนในร่างกาย ทำให้ล้างสารพิษ บำรุงตับได้เป็นอย่างดี

2.แครอท เพราะในแครอทมีวิตามินหลากหลายชนิด ทั้งวิตามิน A, B1, B2, C, D และ K ซึ่งมีผลที่จะช่วยบำรุงเลือด และบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย

3.บีทรูท เพราะมีสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวช่วยชั้นดีที่จะบำรุงตับของเราให้แข็งแรงอย่างเห็นผล เนื่องจากสารตัวนี้จะเข้าไปบำรุงตับ และทำให้ตับฟื้นฟูตัวเองได้

4.ลิ้นจี่ เพราะลิ้นจี่นี้ก็เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยโปรตีน ไขมัน กลูโคส และมีฤทธิ์อุ่นช่วยบรรเทาอาการอักเสบของตับได้ แต่ไม่เหมาะกับคนที่มีอาการคอแห้ง เจ็บคอ ปวดฟัน หรือท้องผูกสักเท่าไหร่ เพราะอาจยิ่งทำให้อาการเหล่านั้นกำเริบหนักได้

5.ชาเขียว เพราะชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระทำให้มีส่วนช่วยในการบำรุงตับได้เป็นอย่างดี และป้องกันการเกิดโรคมะเร็งตับได้อีกต่างหาก

6.มันเทศ เพราะเป็นอาหารบำรุงตับที่มีกลูโคชิโนเลต ซึ่งเป็นสารอาหารที่หาได้จากพืชผักอยู่เพียบ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นให้ตับอ่อนผลิตเอนไซม์ต่อต้านสารพิษ และเอนไซม์ที่ช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร ช่วยให้ตับลดภาระหนักได้ในแต่ละวัน

เพียง 6 อย่างนี้ ก็จะช่วยบำรุงให้ตับของเราห่างไกลและไม่เสี่ยงกับโรคตับแข็งหรือโรคตับอักเสบได้แล้วหละ

bookmark_borderความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับโรคต้อหินที่ควรรู้

ความเชื่อ: ต้อหินเกิดจากความดันลูกตาสูง

ความจริง: ไม่ใช่ทุกคนที่มีความดันลูกตาสูงจะเป็นต้อหิน พบว่าอาจมีคนไข้ต้อหินเกินกว่าครึ่งที่ความดันลูกตาไม่เคยสูง

ความเชื่อ: ต้อหินเป็นโรคของคนอายุมาก

ความจริง: จริง ๆ แล้วสามารถพบได้ในทุกช่วงอายุ อาจเป็นตั้งแต่แรกเกิดหรือพบร่วมกับโรคตา หรือโรคทางกายอื่น ๆ

ความเชื่อ: คนไทยมีความเสี่ยงมากกว่าคนชาวตะวันตก

ความจริง: คนไทย 1 ใน 6 ของประชากรที่อายุเกิน 50 ปีมีโอกาสเป็นต้อหิน

ความเชื่อ: ต้อกระจก ทิ้งไว้ไม่รักษาจะกลายเป็นต้อหิน

ความจริง: คนที่เป็นต้อกระจกจะไม่กลายเป็นต้อหิน เว้นเสียแต่ว่ามีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดต้อหินร่วม หรือทิ้งไว้นานจนต้อกระจกสุกขุ่นขาวก็อาจทำให้เกิดต้อหินได้

ความเชื่อ: ต้อหินเกิดจากใช้คอมพิวเตอร์มาก

ความจริง: ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากพอ แต่การที่มีสายตาสั้นมากเป็นปัจจัยของการเกิดต้อหินได้ กลุ่มคนทำงานหนักอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่มักเป็นผู้ที่มีสายตาสั้นมากอยู่แล้ว

ความเชื่อ: ต้อหินมักต้องมีอาการปวดตา

ความจริง: จริง ๆ แล้วคนที่เป็นต้อหินจะไม่มีอาการอะไรเลย จนกระทั่งประสาทตาถูกทำลายไปครึ่งหนึ่งจึงเริ่มมีอาการตามัว

ความเชื่อ: ต้อหินถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม

ความจริง: ไม่ได้หมายความว่าลูกต้องเป็นต้อหิน ถ้าพ่อหรือแม่เป็นต้อหิน แต่อย่างไรก็ตาม บุคคลที่ครอบครัวมีประวัติเป็นต้อหิน ควรรับการตรวจเช็คสุขภาพตาแต่เนิ่น ๆ สม่ำเสมอ เนื่องจากมีความเสี่ยงมากกว่าประชากรทั่วไป 5 – 6 เท่า