หมวดหมู่: สังคมทั่วไป

เมื่อเราได้ฝึกแบบ Oring กันไปแล้ว นั้นทำให้เราเห็นได้ว่า การที่เราทำปากเป็นรูปตัวโอนั้นก็จะทำให้เกิดควันที่ออกมาเป็นทรงโดนัท ที่มีรูตรงกลางนั้น ไม่ได้เพราะมีอะไรไปขวางกันหรอกนะ เมื่อก่อนผมก็เข้าใจผิดคิดว่าต้องเอาลิ้นมาอยู่ตรงกลางให้ขวางควันไว้ให้เกิดเป็นรู แต่ไม่ใช่ มันเป็นการที่ควันนั้นถูกลมพ้นออกมา ทำให้รูตรงกลางเกิดขึ้นเพื่อเป็นทางวิ่งของลมนั้นเอง

ส่วนควันก็จะถูกดันไปตามรูปขอบของรูที่ออกมา นั้นคือหลักการของควัน ต่อมาเรามาแอดวานซ์ขึ้นการหน่อยกับการอัพเกรด Oring ของเรานั้นให้ออกมาเป็นสองวง ต่อการไอหนึ่งครั้ง ซึ่งแบบนี้นั้นจะถือว่ายากกว่า Oring แบบปกติมาก เพราะอาศัยเทคนิคแนะความเคยชินขึ้นมาอีกสองสามอย่าง แน่นอนว่าเราจำเป็นที่จะต้องฝึกแบบ Oring วงเดียวให้คล่องๆเสียก่อนนะ ไม่เช่นนั้นข้ามขั้นมาอันนี้จะงงว่าเราทำจุดไหนผิดไป 

ยุคสมัยนี้เราก็จะได้เห็นการเล่นควันแบบ Double Orings นี้แล้ว ซึ่งมันเกิดมาจากการดูดควันสายบุหรี่ไฟฟ้านี่แหละ เพราะในสมัยของบุหรี่มวนนั้น ควันจะไม่เยอะพอที่จะทำแบบนี้ได้ ต้องใช้ความหนาแน่นควันมากกว่าเดิม ดูอย่าง Oring ธรรมดา สมัยเป็นบุหรี่มวน ก็จะทำออกมาได้ หนึ่งถึงสามวงติดต่อกัน แต่กลับบุหรี่ไฟฟ้านั้น จะสามารถทำได้ยาวเลย

เป็นสิบวงก็ทำได้ เพราะว่าควันเยอะกว่ามากยังไงล่ะ แล้วเมื่อเป็นแบบ Double Orings ต่อให้วงเล็กลงก็จริง แต่ก็ไม่มากนะ ทำให้ต้องใช้ควันเยอะกว่ามากๆเลย ควันที่เยอะขนาดนั้นก็จะทำได้เพียงกับบุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินน้อยๆเท่านั้นแหละ ถ้าเป็บบุหรี่มวนคงได้แค่ครั้งเดียวแถมไม่ชัดอย่างแน่นอน

วิธีที่ต้องเพิ่มเติ่มนั้นคือเราจะทำปากเป็นตัวโอแบบเดิม แต่แคบลงมาหน่อยนะ แล้วนำนิ้วมาขั้นไว้ตรงกลางปากเป็นแนวตั้ง นั้นก็จะกลายเป็นเหมือนกับแบบตัว O เป็นสองวง แล้วก็ใช้วิธีเดิมคือการไอควันออกมาเป็นที่ละนิด ซึ่งจะต้องเพิ่มเทคนิคอีกหนึ่งอย่างนั้นก็คือการขยับขากรรไกรเราขึ้นลงตอนไอเดียว มันจะทำหน้าที่คล้ายๆไกปืน ที่จะเป็นตัวแบ่งลมได้พอดีๆ

แบบดับเบิลนี้จะยากขึ้นเยอะหน่อยนะ แล้วก็จะทำให้พ่นควันออกมาได้สมูธยากขึ้นกว่าเดิมด้วย เพราะฉะนั้นจะต้องฝึกทำนานสักหน่อย และการฝึกที่นานๆนั้นก็จะทำให้เกิดเป็นการรับสารที่เยอะและบ่อยขึ้น ดังนั้นแล้ว ขอเตือนในการฝึกกับน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่นิโคตินน้อยๆเลย หรือที่ดีที่สุดไม่มีเลยจะดีกว่า

สนับสนุนโดย    แทงหวย

ในเรื่องเกี่ยวกับการเงินเป็นตัวการที่สำคัญอย่างมากเพราะว่าเราจะเห็นได้ว่าการที่เรามีครอบครัวและการที่เราต้องการที่จะเป็นฝั่งเป็นฝาการที่เราเป็นคนที่เก็บเงินเก่งเป็นเรื่องที่ดีและการที่เราหาเงินเก่งก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกันนั่นเอง  ดังนั้นการที่เราจะเลือกคนที่เข้ามาในชีวิตของเราเราดูว่าเขาอยู่ในสถานการณ์อย่างไรนั่นเอง และการที่เราจะมองเห็นแต่เพียงรูปร่างเป็นเรื่องที่เราบอกเลยว่าไม่จำเป็นอีกต่อไปนั่นเอง

  ดังนั้นการที่เราจะมีชีวิตคู่คือการที่เราต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกันนั่นเอง  และเรื่องที่เราเป็นคนที่มีหนี้สินเป็นเรื่องที่เราต้องรับรู้ทั้งสองคนเพราะว่าเวลาที่เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาการที่เราจะเป็นคนที่ทิ้งเขาก็ไม่ควรที่จะทำนั่นเอง  

          เพราะว่าเราจะเห็นได้ว่าการที่เราทำงานหาเงินอยู่แล้วอีกคนที่เป็นคนสร้างหนี้และทำให้เรารู้สึกว่าเราเบื่อเป็นเรื่องที่เราบอกเลยว่าเป็นเรื่องของปัญหาโลกแตกอย่างมากนั่นเอง  ดังนั้นการที่เราจะเป็นคนที่เลิกกันส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเงินนั่นเอง  เพราะว่าจะเป็นการปิดบังเพื่อที่จะไม่ให้อีกฝ่ายนั้นรู้ว่าเราเอาเงินเขามาใช้จ่ายหมดนั่นเอง

  แต่ว่าเรื่องนี้เราต้องดูอีกว่าการที่เราจะคบใครเราต้องรู้จักเกี่ยวกับเรื่องของนิสัยของเขานั่นเองเพราะว่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้เราได้รู้ว่าการที่เราเป็นคนที่หาเงินเก่งและเป็นคนที่ไม่อยากที่จะสร้างหนี้เป็นเรื่องที่ดีอย่างมากนั่นเอง และเมื่อเราเป็นคนทั้งคนที่ช่วยกันในเรื่องของการหาเงินเพื่อที่จะคอยเป็นตัวในการเก็บเพื่อที่จะสร้างอนาคตข้างหน้าเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกันนั่นเอง  ดังนั้นเราก็ควรที่จะมีอะไรก็ต้องช่วยกัน  

        และการที่เราจะเป็นหนี้เราก็ควรที่จะถามเขาว่าเรามีหนี้สินอะไรบ้างเพราะว่าการที่เรารู้ที่มีที่ไปเป็นเรื่องที่จะช่วยในเรื่องของการสัพพอสเรานั่นเอง ดังนั้นการที่เราจะเป็นหนี้สินอะไรเราก็ควรที่จะบอกกันตรง

เพราะว่าเวลาที่เราเกิดเรื่องทั้งสองคนจะได้เป็นคนที่ช่วยในเรื่องของการหานั่นเอง  และการที่เราช่วยกันหาแต่ว่าอีกฝ่ายเป็นตัวการที่จะสร้างหนี้สิ่งนี้เป็นเรื่องที่เราคิดว่าเป็นเรื่องของการสร้างความแตกฉานได้เหมือนกันนั่นเอง  ดังนั้นเราก็ควรที่จะไม่ทำและเรามีความจำเป็นอะไรที่เราต้องใช้เงินเราก็ควรที่จะบอกเพื่อที่จะเป็นตัวการที่จะไม่ให้เกิดปัญหาอย่างทุกวันนี้เพราะว่าส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเงินเข้ามาเป็นตัวแปรในการที่จะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการเลิกลานั่นเอง 

ได้รับการสนับสนุนโดย  แทงหวยหุ้นออนไลน์

ถามว่าแม่ยุคใหม่ ทำไมต้องเจิด?

สำหรับการที่ขึ้นหัวแบบนี้ก็เพราะว่า การเป็นแม่ยุคใหม่นั้นต้องเจิด ในที่นี้คำว่าเจิด คือต้องเจิดในทุกสถานการณ์ คือการดูแลลูกสามี และรวมถึงต้องดูแลตัวเองไปในคราวเดียวกันด้วย ไม่ใช่เอาเวลาไปทุ่มดูแลด้านใดด้านหนึ่ง จนละเลยด้านอื่นๆ ซึ่งก็สำคัญไม่แพ้กัน

หากมองกลับไปที่คุณแม่หลายๆท่าน ที่ชอบพูด ชอบบอกตัวเองว่า ฉันดูแลลูกมากไปจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองนั้น เรามองว่ามันไม่จริงเลย เพราะเอาที่จริงแล้วแม่หลายๆคนละเลยที่จะดูแลตัวเงอ ก็คือคนที่ขี้เกียจเท่านั้นแหละ เพราะอะไรน่ะเหรอ หลายคนก็อาจจะสงสัย เอาความจริงอยากให้มองความเป็นจริงว่า การที่หันมาสนใจใส่ใจตัวเองมากขึ้น เขาไม่ได้ใส่ใจลูกและสามีน้อยลงนะคะ

  แต่มองกลับกันเป็นว่า เขานั้นเป็นคนที่สละเวลาและขยันด้วยซ้ำ เพราะการเป็นแม่มันเลยต้องเจิดทุกสถานการณ์ ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่จะต้องดูแลตัวเองให้สวยก็ต้องได้รับความยินยอมจากสามีด้วยกันเช่นกัน และที่สำคัญสุดๆ สามีควรจะคอยSupport ภรรยาให้ได้ 3สิ่งคือ 

1.เรื่องเวลา นั่นก็คือ สามีต้องช่วยดูแลลูก ถ้าหากต้องการให้ภรรยาทำสวย 

2.เรื่องเงิน นั่นก็คือ ถึงจะทำงานช่วยกัน กระเป๋าเดียวกัน แต่เมื่อจะทำสวย คุณสามีที่น่ารักทั้งหลายก็ต้องใจกว้างเรื่องการเสียค่าใช้จ่ายตรงนี้ด้วยนะคะ

3.เรื่องจิตใจ นั่นก็คือ ต้องไม่กดดันกัน และต้องหาแรงบันดาลใจให้กับภรรยา นางที่ถูกที่ควร หากสามีคนไหนที่ให้ครบทั้ง3ข้อแล้ว แต่แม่อย่างเราก็ยังไม่สวยและดูดีขึ้น ก็ต้องกลับมาไตร่ตรองตัวเองให้มากยิ่งขึ้น ว่าทุกอย่างไม่ใช่เพราะใคร แต่เพราะเป็นที่ตัวเองล้วนๆเลย

สิ่งที่แม่บ้านยุคใหม่อย่างเราจะทำได้ ต้องมีความแน่วแน่เพื่อที่จะดูแลตัวเอง ไม่ใช่ทำเพื่อใคร  แต่เพื่อตัวเองให้ตัวเองรู้สึกไม่ด้อยค่าแล้วยังทำให้เรามีความสุขในการที่จะดูแลครอบครัวให้ดีขึ้นต่อไปเพียงเท่านี้ คุณแม่ยุคใหม่อย่างเราก็เจิดแล้วค่ะ

ขอบคุณ  หวยออนไลน์   ที่ให้การสนับสนุน